ทุกวันนี้ คนทั่วไปรู้จักและเคารพศรัทธา ‘เสด็จเตี่ย’ ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมาก แต่น้อยคนที่รู้ถึงพระปรีชาสามารถอันแท้จริงเมื่อครั้งยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ วันนี้เราจึงขอเล่าเรื่องจริงบางส่วนของพระองค์ให้ได้รับรู้กัน
เดิมทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ทรงตั้งพระทัยมั่นตั้งแต่เล็กว่าจะทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ เนื่องจากทรงฝังพระทัยจากการที่สยามประเทศจำต้องยอมสูญเสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศสเพราะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะต่อต้านกองทัพเรือที่ยกเข้ามาคุกคาม
ทรงเป็นพระราชโอรสรุ่นแรกที่เดินทางไปศึกษวิทยาการสมัยใหม่ที่ยุโรป ทรงเลือกเข้าศึกษาในโรงเรียนเอกชนที่โดดเด่นด้านวิชาการทหารเรือที่ประเทศอังกฤษ เมื่อสำเร็จการศึกษาและได้เข้ารับการฝึกเรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินทางกลับไทยเมื่อพระชนมายุ 20 พรรษา
ขณะนั้น กองทัพเรือไทยอยู่ภายใต้บังคับการของคนฝรั่งซึ่งถูกว่าจ้างมาเพื่อวางรากฐานกิจการเรือสมัยใหม่ แต่ทรงพบว่าคนฝรั่งนี้ขาดความตั้งใจ ทหารเรือกลายเป็นหน่วยทหารที่มีศักดิ์ศรีต่ำกว่าหน่วยอื่น
เมื่อพระองค์ได้เข้าบริหารงานด้วยพระองค์เอง จึงทรงรื้อระบบและวางรากฐานกองทัพเรือใหม่ทุกด้าน หมายยกระดับทหารเรือให้เก่งกาจและเกรียงไกร โดยพระองค์ทรงสอนนักเรียนทหารใหม่ด้วยพระองค์เอง
ด้วยพระอุปนิสัยส่วนพระองค์ที่มีเมตตาต่อชนทุกวรรณะ ไม่ถือพระองค์ และยังทรงดำเนินพระจริยวัตรในทางที่นักเลงสมัยนั้นนิยมกัน พระองค์จึงเป็นที่รักของลูกศิษย์ และผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระองค์เคยทรงรีบเสด็จไปช่วยทหารเรือชั้นผู้น้อยที่ถูกรุมต่อยตีที่ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งทรงเอาตัวของพระองค์เข้ารับดาบแทนโดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ และอีกเรื่องเล่าว่า ทรงเสด็จไปสู่ขอผู้หญิงให้กับลูกศิษย์ในฐานะอาจารย์ด้วยพระองค์เอง
นี่แสดงให้เห็นถึงน้ำพระทัยที่ทรงรักใคร่ผู้คนอย่างแท้จริง
พระองค์ยังประทานความเป็นกันเองโดยเรียกขานแทนพระองค์เองว่า ‘พ่อ’ หรือ ‘เตี่ย’ ผู้คนทั่วไปจึงรู้สึกว่าสามารถปวารณาตัวเป็นลูกของพระองค์ได้อย่างเท่าเทียมกัน
ยิ่งเมื่อครั้งที่พระองค์ต้องทรงรับบทเป็น ‘หมอพร’ พระองค์ทรงรับรักษาทุกคนโดยไม่คิดเงิน ทำให้ผู้คนที่ได้สัมผัสกับพระองค์ยิ่งรักและเทิดทูน จึงพร้อมใจกันขนานนามพระองค์ว่า ‘หมอพรเทวดา’
เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ สิ้นพระชนม์ พระปรีชาสามารถและคุณงามความดีของพระองค์ยังคงตราตรึงในหัวใจของคนทุกคน ถึงกับมีการบอกเล่ากันปากต่อปาก ต่อเติมเสริมแต่งไปในทางผู้วิเศษบ้าง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์บ้าง ตามแต่ศรัทธาของผู้บอกเล่าพบเจอเรื่องราว
พระองค์ได้รับถวายพระสมัญญานามจากกองทัพเรือว่าเป็น ‘องค์พระบิดาของทหารเรือไทย’
อ้างอิง