ติดอาวุธ เพิ่มพลังครั้งใหม่ แดนมะกะโรนีผุดท่าเรือกึ่งอัตโนมัติ สังเวียนเมืองท่าในยุโรปมีเดือด
ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีมีเมือง Vado Ligure นี่คือเมืองติดทะเลและมีท่าเรือที่จัดพื้นที่ 50,000 ตารางเมตรไว้สำหรับขนย้ายผลไม้ล้วน ๆ จึงไม่แปลกหากว่าท่าเรือแห่งนี้ถูกยกให้เป็นท่าเรือที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการทำความเย็นที่ใหญ่ที่สุดในแถบทะเลเมดิเทอร์เรเนียน
แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปว่ามีดีแค่ผลไม้ (ซึ่งถ้าจริงคงจะ “ว้าว!” สุด ๆ) เพราะท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นเทอร์มินัลระดับเวิร์ลคลาสที่รองรับงานสินค้าคาร์โกทุกประเภท และเมื่อไม่นานนี้ยังได้เปิดตัวเทอร์มินัลน้ำลึกแห่งใหม่ที่ชื่อ Vado Gateway
APM Terminals บริษัทผู้บริหารจัดการท่าเรือแห่งนี้ ร่วมกับ 2 พันธมิตรจากจีนคือ Cosco Shipping Ports และ Qingdao Port International ได้ลงทุนโปรเจกต์มูลค่า 450 ล้านยูโรนี้ การเกิดขึ้นของ Vado Gateway จะเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับระบบท่าเรือของอิตาลีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
เทอร์มินัลแห่งใหม่นี้มีท่าเทียบเรือน้ำลึกระดับ 700 เมตร สามารถรับรองเรือ Ultra Large Container Vessels (ULCVs) รุ่นล่าสุดได้แบบหายห่วง ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาจะถูกบันทึกภาพข้อมูลด้วยกล้องวิดีโอเพื่อทำส่งเข้าระบบปฏิบัติการของท่าเรือ จากนั้นระบบจะสั่งการมาที่เครนทั้ง 5 ตัวเพื่อทำการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ต่อไป
ไอเจ้าระบบปฏิบัติการที่ว่านี้มีชื่อว่า Navis 4 เป็นระบบอัตโนมัติรุ่นล่าสุด ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหน้าที่หลักแค่เบิ่งตาดูให้ระบบเดินไปตามปกติ เว้นเสียแต่ว่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นจึงเข้าควบคุมเองด้วยตนเอง
ไม่ใช่แค่เครนเท่านั้น ระบบปฏิบัติการยังสามารถทำงานกับอุปกรณ์ในท่าเรือได้ทั้งหมด โดยผ่านเซ็นเซอร์และกล้องที่คอยจับตาดูการทำงานแบบเรียลไทม์ หากว่ามีการติดขัดเกิดขึ้น ระบบจะส่งสัญญาณเตือนและหยุดการทำงานเพื่อรอการแก้ไขโดยเจ้าหน้าที่เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีช่องทางเดินรถบรรทุกมากถึง 14 เลน ซึ่งหากข้อมูลเอกสารต่าง ๆ ที่ส่งมาก่อนนั้นถูกต้องสมบูรณ์ ระบบปฏิบัติการจะยอมให้รถเข้าสู่เทอร์มินัล จากนั้นทำการสแกนป้ายทะเบียนรถ และเฟ้นหาหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ที่ต้องการให้ รวมเวลาที่รถอยู่ในพื้นที่เพียง 30 นาทีเท่านั้นเอง...เร็วมาก!
ยังมีรางรถไฟที่จะเชื่อมจากเทอร์มินัลไปจนถึงทวีปยุโรปตอนกลางและตอนเหนือ โดยแต่ละวันสามารถจัดการรถไฟได้สูงสุด 14 ขบวน
ดังนั้น ขีดความสามารถในการรองรับจำนวนตู้คอนเทนเนอร์โดยเฉลี่ยของเทอร์มินัลนี้คือ 900,000 TEU ต่อปี และอาจได้สูงสุดที่ 1.1 ล้าน TEU
Vado Gateway สามารถทำงานร่วมกับ Reefer Terminal ที่มีอยู่เดิมได้แบบไร้รอยต่อ เป็นการเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับท่าเรือที่เมือง Vado Ligure
คาดว่า Vado Gateway จะยกระดับอิตาลีให้กลายเป็นฮับยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางสายไหมใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดจากทางตอนเหนือของอิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เชื่อมเข้ากับตลาดจากภูมิภาคตะวันออกไกล
อ้างอิง