เดอะฟลายอิ้งดัตช์แมน (the Flying Dutchman) ต้นแบบเรือผีในหนังจากคำบอกเล่าของชาวเรือสุดคลาสสิก
ยุคนี้ สมัยนี้ หากใครพูดว่าเห็นผี เกือบร้อยทั้งร้อยคงถูกไล่ให้ไปพบจิตแพทย์เป็นแน่ แต่ถึงอย่างไร เรื่องทำนองนี้ยังมีเสน่ห์ชวนฟังอยู่ดี เอาล่ะ เราไปดูที่มาที่ไปของเรือของกัปตันเดวี่ โจนส์ที่ไล่ล่ากัปตันแจ็ก สแปโรว์กันดีกว่า
เรือเดอะฟลายอิ้งดัตช์แมนเริ่มโด่งดังขึ้นมาในราวศตวรรษที่ 17 จากคำบอกเล่าและบันทึกของเหล่ากะลาสีเรือแตก ซึ่งต่างบอกเล่าไปทิศทางเดียวกันว่าจะเห็นเรือลำนี้โผล่ออกมาในยามสภาพอากาศเลวร้าย ทัศนวิสัยต่ำจากหมอกหรือพายุกระหน่ำ หรือยามเรือต้องแล่นผ่านบริเวณยากลำบาก โดยเรือจะโผล่มาให้เห็นและแล่นผ่านหายไปในความมืด
ตามธรรมเนียมฝรั่งนักเดินเรือ พวกเขาเชื่อว่าหากพบเห็นเรือผีลำนี้เท่ากับเป็นลางบอกเหตุร้าย นั่นคือเรือแตกแน่นอน ถ้าโชคร้ายที่สุดคือไม่มีโอกาสรอดกลับบ้านอีกแล้ว
เท่าที่ลองค้นข้อมูลดู ไม่พบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าเรือลำนี้มีอยู่จริงบนโลกหรือไม่ จะพบในลักษณะเป็นเรื่องเล่าและตำนานเสียมากกว่า ซึ่งเรื่องสุดคลาสสิกเล่าถึงการเดินทางครั้งสุดท้ายของเรือเดอะฟลายอิ้งดัตช์แมนภายใต้การนำของกัปตันเฮนดริก ฟาน เดอ เด็กเค่น (Hendrick Van der Decken)
เรือเดอะฟลายอิ้งดัตช์แมนเป็นเรือของบริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย (Dutch East India Company) คอยแล่นรับส่งสินค้าระหว่างเนเธอร์แลนด์และบริเวณอีสต์อินดีส์ (หมายถึงพื้นที่แถบเอชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
ในการเดินทางครั้งสุดท้าย กัปตันฟาน เดอ เด็กเค่นต้องการกลับถึงเนเธอร์แลนด์ให้เร็วที่สุด จึงได้เลือกใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด นั่นคือผ่านทางแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) และขณะที่เรือกำลังผ่านแหลมนี้ ได้เกิดพายุรุนแรง แต่กัปตันแข็งขืนยืนยันว่าจะต้องฝ่าไปให้ได้
เรื่องราวระหว่างการฝ่าพายุมีหลายเวอร์ชัน แต่จุดจบจะออกมาคล้าย ๆ กัน คือกัปตันลั่นวาจาว่า ‘จะต้องฝ่าพายุและไปถึงจุดหมายให้จงได้แม้จะต้องใช้เวลาถึงวันสิ้นโลกก็ตาม’ ซึ่งสุดท้ายปรากฏว่าไม่รอด ทั้งเรือ กัปตันและลูกเรือถูกสาปโดยปิศาจหรือซาตานให้ต้องแล่นเรือกลางทะเลโดยไม่สามารถเหยียบแผ่นดินได้ตลอดกาล
คำสาปนี้ไม่ได้จำกัดให้เรือแล่นจำกัดอยู่ในบริเวณนี้ แต่ไปได้ทุกท้องทะเลมหาสมุทรทั่วโลก ดังนั้น จึงมีรายงานการพบเห็นจากพื้นที่ต่าง ๆ มากมาย
ต่อมาภายหลัง เรื่องราวถูกแต่งแต้มต่อเติมไปแบบปากต่อปาก แต่สิ่งที่ยังคงไว้คือเรื่องความน่ากลัวและปริศนาของเรือลำนี้
และยังมีการนำเรือเดอะฟลายอิ้งดัตช์แมนไปทำเป็นเรือผีต้นแบบในนิยายและเพิ่มเติมความโรแมนติกโดยบอกว่ากัปตันของเรือสามารถถอนคำสาปได้หากเขาพบเจอรักแท้ ซึ่งทุก ๆ 7 ปีจะสามารถเหยียบแผ่นดินได้หนึ่งครั้งเพื่อตามหานางผู้รับรัก
ตามข้อเท็จจริง แหลมกู๊ดโฮปเป็นสถานที่โด่งดังในเรื่องเรือประสบภัยเป็นประจำอยู่แล้ว เป็นที่รู้กันว่าบริเวณนี้มีสภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ กระแสน้ำรุนแรง และหินโสโครกเยอะ ซึ่งแต่เดิม มันถูกเรียกว่า ‘แหลมแห่งพายุ (The cape of storms)’ และต่อมาค่อยเปลี่ยนเป็นแหลมกู๊ดโฮปเพราะมันเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการเดินทางไปอินเดีย
สำหรับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่ดูสมเหตุสมผลในการพบเห็นเรือเดอะฟลายอิ้งดัตช์แมนคือการเห็นภาพหลอกตาหรือมิราจ ซึ่งเรียกว่า ฟาต้า มอร์กาน่า (Fata Morgana) โดยเป็นภาพสะท้อนของเรือที่แล่นอยู่ในระยะไกลเกินสายตาหากว่าสภาพอากาศและแสงมันเป็นไปตามทฤษฎีในการเกิดปรากฏการณ์นี้
และถึงแม้ว่าเรือเดอะฟลายอิ้งดัตช์แมนจะโผล่มาให้เห็นในปัจจุบันนี้จริง ๆ ละก็ คงจะรีบหลบเรือยุคนี้มากกว่า เพราะขนาดมันคงเทียบกันไม่ได้แล้ว (มั้ง?)
อ้างอิง