วาฬเกยตื้นสุดสลด หลังภารกิจช่วยเหลือผ่านพ้น ต้องเร่งการกำจัดสิ่งที่เหลืออยู่
มีรายงานตั้งแต่วันที่ 21/10/2020 ว่าพบฝูงวาฬนำร่องมาเกยตื้นที่บริเวณแม็กควารี่เฮดส์ (Macquarie Heads) ที่อยู่ทางตะวันตกของรัฐแทสมาเนียในประเทสออสเตรเลีย สร้างความตื่นตกใจเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เพราะพบว่ามีจำนวนร่วม 500 ตัว
เหตุการณ์เกยตื้นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และเกิดขึ้นได้กับทุกประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางอพยพของพวกมัน
เหตุการณ์การครั้งนี้นับเป็นเหตุเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประเทสออสเตรเลีย
สถิติครั้งเก่าเกิดขึ้นในปี 2009 ซึ่งมีวาฬมาเกยตื้นราว 200 ตัว
ส่วนเหตุเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดในโลกเกิดขึ้นประเทศนิวซีแลนด์ ณ หมู่เกาะแชตทึม (Chatham) ในปี 1918 ซึ่งพบวาฬนำร่องเกยตื้น 1,000 ตัว
สาเหตุที่ทำให้เกิดการเกยตื้นนั้นยังไม่มีการสรุปเป็นที่แน่ชัด
มีการตั้งสมมติฐานมากมาย แต่ยังต้องรอการศึกษาวิจัยสรุปต่อไป
ในเหตุการณ์คราวนี้ ได้มีการระดมพลเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญ และอาสาสมัครจำนวนมากเพื่อช่วยชีวิตวาฬ ซึ่งทุกคนทำงานแข่งกับเวลา แต่สุดท้ายช่วยชีวิตพวกมันได้เพียง 110 ตัว ส่วนเพื่อนมันที่เหลือต้องจบชีวิตไป
ปัญหาตอนนี้ เนื่องจากวาฬแต่ละตัวมีขนาดไม่ใช่น้อย หากปล่อยให้ซากร่างของพวกมันเน่าพร้อมกันแล้วละก็...ไม่อยากจะคิด
ดังนั้น ตอนนี้ทางการจึงเร่งจัดการกับซากร่างที่กระจายอยู่เต็มชายหาด
วิธีกำจัดซากร่างเท่าที่ค้น ๆ ดูพบอยู่ 4 วิธี คือ
- ระเบิดทิ้ง - มันเป็นการใช้ระเบิดตูมเป็นโกโก้ครันช์จริง ๆ ซึ่งเคยมีการใช้งานจริง แต่เลิกแล้ว เพราะทั้งคนและข้าวของใกล้บริเวณการระเบิดโดนฝนไขปลาวาฬกันหนุบหนับ
- นำไปทำปุ๋ยหมัก - ต้องพึ่งพาเกษตรกรมาจัดการแยกชิ้นส่วน และโครงกระดูกที่เหลือยังนำไปศึกษาต่อได้
- กลบฝัง - วิธีนี้ง่ายที่สุด ฝังตรงหาดทรายที่ซากนั้นอยู่ (แต่มีความเชื่อว่ามันจะล่อให้ปลาฉลามเข้ามามากขึ้น) หรือนำไปกลบฝังที่อื่นซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร
- ลากกลับไปสู่ท้องทะเล - ซากวาฬที่ตายในทะเลส่วนใหญ่จะจมลงสู่ใต้ทะเล
ตามแหล่งข้อมูล ทางการท้องถิ่นเลือกเป็นการลากซากไปทิ้งในท้องทะเล ซึ่งได้มีการทดลองลากไปทิ้งแล้ว 15 ร่าง ความรวดเร็วในการทำภารกิจให้เสร็จสิ้นขึ้นอยู่กับคลื่นลมและกระแสน้ำเป็นสำคัญ
อ้างอิง