“ฉันถูกทิ้ง” เสียงโอดครวญจากลูกเรือที่มองเห็นฝั่งแต่ขึ้นไม่ได้
ในช่วงที่โควิด-19 ยึดพื้นที่สื่อแบบนี้ ข่าวบางอย่างถูกละเลยความสำคัญได้โดยง่าย เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่า “ลูกเรือ” ที่ทำงานบนเรือ ซึ่งถูกลืมทิ้งไว้กลางทะเล
ข่าวเกี่ยวกับเรือตามสื่อหลักมักเป็นเรื่องเรือสำราญ และโฟกัสไปที่ผู้โดยสาร เริ่มตั้งแต่ว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อกี่คน มีมาตรการจัดการอย่างไร จนจบที่การอพยพผู้โดยสารทุกคนขึ้นจากเรือและส่งกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
แต่…
คนทั่วไปคงไม่รู้ว่า “ลูกเรือ” ไม่ได้ขึ้นฝั่งกลับบ้านไปกับเขาด้วย ส่วนใหญ่เฝ้าเรือกันทั้งนั้น!!!
จากข้อมูลพบว่าลูกเรือบนเรือสำราญราว 50,000 คนยังเคว้งคว้างอยู่บนเรือกลางทะเลมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว และคาดว่าต้องทนอยู่แบบไม่เห็นความหวังต่อไปอีกหนึ่งเดือนกว่าจะได้กลับบ้าน
หากนับดูจำนวนลูกเรือทั้งหมดบนเรือทุกประเภทในโลกที่ติดอยู่บนเรือขณะนี้มีมากกว่า 100,000 คน และทุกคนประสบปัญหาเหมือนกันคือมาตรการป้องกันไวรัสโคโรน่าสกัดไม่ให้พวกเขาเข้าประเทศ แม้กระทั่งขอเดินทางต่อเพื่อกลับบ้านก็ทำไม่ได้
ไม่ใช่ว่าบริษัทต้นทางไม่ได้พยายามทำอะไรเลย ในช่วงแรกก่อนยกระดับเป็นการระบาดใหญ่ บริษัทได้พยายามสรรหาทุกวิธีการเพื่อส่งลูกเรือกลับบ้านเช่นที่ดำเนินการกับผู้โดยสาร แต่พอระยะเวลาผ่านไป มาตรการยิ่งเข้มงวดมากขึ้น การจะส่งคนกลับบ้านทำได้ยากขึ้นทุกที
เช่นในสหรัฐอเมริกา ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) ออกข้อกำหนดไม่ยินยอมให้อพยพลูกเรือและผู้โดยสารกลับบ้านโดยเครื่องบินพาณิชย์ ยิ่งประกอบกับหลายประเทศปิดน่านฟ้าอีก แบบนี้ก็เหมือนดับความหวังกลับบ้านของคนบนเรือไปเลย
สภาพการใช้ชีวิตบนเรือถูกกำหนดให้มีการแบ่งแยกกักตัวกันชัดเจน คล้ายกับเรากักตัวอยู่บ้าน แต่ที่บ้านยังพอได้เดินไปไหนมาไหนและยังสบายใจเพราะมันคือ “บ้าน”
แต่ในห้องสี่เหลี่ยมที่มองไปก็มีแต่ผนังทั้งสี่ด้านกับหน้าต่างหนึ่งบาน นานวันเข้าสภาพจิตใจย่อมห่อเหี่ยวเป็นธรรมดา
นอกจากนี้ ลูกเรือเหล่านี้ยังมีความกลัวว่าไวรัสยังคงอยู่บนเรือ
มันเป็นความกดดันที่อยากจะบอกเล่าให้เข้าใจจริง ๆ
ขณะนี้พันธมิตรบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเรือกำลังเรียกร้องและหาทางออกร่วมกับรัฐบาลของแต่ละประเทศที่ลูกเรือติดอยู่เพื่อหาทางช่วยเหลือลูกเรือ พันธมิตรแสดงความเป็นห่วงต่อสภาพจิตใจของลูกเรือเป็นอันมาก เป้าหมายคือต้องการพาลูกเรือกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวให้จงได้
พันธมิตรเสนอว่าหากทำการสลับลูกเรือกลุ่มเล็ก ๆ น่าจะพอทำให้สำเร็จได้โดยต้องได้รับความร่วมมือจากเมืองท่าด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องการหาเครื่องบิน สนามบิน และขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากนักการเมืองโดยชูประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนมาพูดคุยกัน
คงต้องรอดูความคืบหน้าต่อไป
พวกเราหวังว่าท้ายที่สุดแล้ว จะมีมาตรการช่วยเหลือออกมาโดยเร็วที่สุด
อ้างอิง
- https://maritime-executive.com/article/shipping-alliance-calls-for-solution-to-crew-change-shutdown
- https://www.nationalgeographic.com/travel/2020/04/when-a-cruise-ship-becomes-a-hot-zone-coronavirus/
- https://www.dailymail.co.uk/news/article-8226053/50-000-cruise-ship-workers-stuck-sea-amid-COVID-19-pandemic.html
- https://www.nytimes.com/2020/04/14/us/coronavirus-cruise-ship-crew-lawsuit.html